เนื้อหาของ Bitcatcha สนับสนุนโดยผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการเป็นพันธมิตร เรียนรู้เพิ่มเติม

รีวิว IPVanish: ข้อดี 5 ข้อและข้อเสีย 4 ข้อของการใช้ IPVanish VPN

tl;dr

ในตอนแรกผมลังเลมากที่จะรีวิว IPVanish VPN เพราะผมรู้ว่าเป็นบริการที่มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่ามันก็เหมือนกับการขอให้หมาป่าช่วยเฝ้าแม่ไก่ IPVanish เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 และได้เปลี่ยนเจ้าของในปี 2017 น่าเสียดายที่การเปลี่ยนเจ้าของมีผลดีต่อบริษัทเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นในมุมมองของผม ผมรู้สึกเป็นเรื่องยากที่จะแนะนำ VPN ตัวนี้ด้วยเหตุผลหลายประการทั้งประสิทธิภาพความเร็วปานกลาง ความน่าสงสัยเรื่องการไม่ระบุตัวตนและการสนับสนุนลูกค้าที่แย่มาก เรียนรู้เพิ่มเติม

IPVanish VPN ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 จึงไม่ได้เป็นบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในอุตสาหกรรมและในความเป็นจริงมันถูกเปลี่ยนมือไปแล้วหนึ่งครั้ง สิ่งที่ดูแปลก ๆ เกี่ยวกับบริษัทนี้คือ แม้ว่าดูเหมือนจะได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่บริษัทก็ยังปล่อยให้ตัวเองไปพัวพันกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการบันทึกข้อมูลการใช้งาน ปกติเรื่องแบบนี้มีโอกาสจะปิดฉากผู้ให้บริการ VPN ได้เลย แต่บริษัทก็ยังอยู่รอดมาได้

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทนี้ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งทำให้คำกล่าวอ้างของทางบริษัทที่ว่ามีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อมากเท่าไหร่ตั้งแต่ต้น แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังไม่มีกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูลแต่บรรดาหน่วยงานด้านความมั่นคงก็กระตือรือร้นอยากจะบันทึกข้อมูลเมตาของอินเทอร์เน็ตสำหรับโลกทั้งใบ จึงดูออกจะสับสนเอาการอยู่

อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียผสมกันไปในแง่ของประสิทธิภาพ บางอย่างดีและบางอย่างแย่มาก ดังนั้น ตอนนี้ลองมาดูกันว่าทางบริษัททำอะไรได้บ้าง

สารบัญ


ข้อดีของ IPVanish
  1. ความพร้อมใช้งานที่ดี
  2. IPVanish มีความปลอดภัยสูง
  1. ความเร็วเพียงพอในการสตรีมมิ่งวิดีโอขนาด 8k
  2. ราคาดีโดยไม่ต้องสมัครใช้เป็นระยะเวลานาน

ข้อเสียของ IPVanish
  1. ขาดเซิร์ฟเวอร์เสริมประสิทธิภาพ
  2. ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว
  3. ฝ่ายบริการลูกค้าที่แย่มาก
  4. แอปพลิเคชั่นลูกค้าที่แย่

บทสรุป

สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ IPVanish VPN

1. ความพร้อมใช้งานที่ดี

IPVanish อ้างว่ามีมากกว่า 1,000 เซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานอยู่ในเครือข่ายที่เติบโตครอบคลุมกว่า 60 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าเน้นไปที่ยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นหลัก โดยมีเซิร์ฟเวอร์ 443 แห่งในยุโรปและ 561 แห่งในอเมริกาเหนือ ทำให้เหลือเซิร์ฟเวอร์ในทวีปเอเชียและส่วนอื่น ๆ ของโลกอยู่ไม่มากแต่ก็ยังครอบคลุมได้ทั่วถึง

1.1. เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง

สิ่งที่น่าทึ่งคือ IPVanish อ้างว่าบริษัทเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานในระบบของตัวเองทั้งหมด แม้ว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นจริงสำหรับอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรสำหรับส่วนที่เหลือของโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล

ในฐานะผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำเพียงรายเดียว IPVanish เป็นเจ้าของเครือข่ายทั้งหมดที่เราใช้งานรวมไปถึงเซิร์ฟเวอร์ สิ่งนี้ทำให้เราสามารถให้บริการระดับพรีเมี่ยมในราคาที่แข่งขันได้

เราไม่ปล่อยให้ความปลอดภัยของคุณตกอยู่ในการควบคุมของคนอื่น เนื่องจากเราไม่ได้ว่าจ้างบุคคลภายนอก มาจัดการโครงสร้างพื้นฐานของเรา เราจึงสามารถมอบการเชื่อมต่อ VPN ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก และหากไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาทำให้เราช้าลง เครือข่าย IPVanish นั้นรวดเร็วทันใจ

quote

1.2. ใช้กับอุปกรณ์ได้เกือบทุกชนิด

สำหรับผู้ที่อ่านรีวิว VPN ของผมมาจนถึงตอนนี้ ผมแน่ใจว่าคุณน่าจะชินกับการที่ผมพูดถึงเรื่องการรองรับอุปกรณ์แล้วนะครับ ทั้งนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคนสนใจอย่างกว้างขวางอย่าง VPN ย่อมจะมีคนไม่น้อยที่ใช้อุปกรณ์หลากหลายรูปแบบกับบริการนี้

IPVanish Apps

อันที่จริง ผมกล้าพูดได้เลยว่าพวกเราหลายคนน่าจะใช้อุปกรณ์หลายเครื่องกับหลายแพลตฟอร์มภายในบ้านหลังเดียวกัน ถ้าจะพูดให้ละเอียดลงไปอีกนิด เชื่อไหมครับว่ายังมีคนใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone แม้แต่เพื่อนร่วมธุรกิจที่ผมสนิทด้วย

ดังนั้น การรองรับอุปกรณ์มากมายหลากหลายชนิดจึงเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของ IPVanish เลยทีเดียว

และเนื่องจาก IPVanish สามารถปรับใช้กับเราเตอร์บางตัวได้ ผมจึงเตือนผู้ที่คิดจะทำเช่นนั้นอีกครั้งไม่ว่าจะเพื่อความสะดวกหรือเพื่อความบันเทิง

หมายเหตุ

การใช้งาน VPN บนเราเตอร์จะช่วยให้คุณเอาชนะขีดจำกัดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันหลายเครื่องซึ่ง VPN ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงิน อย่างไรก็ตาม มันมีข้อเสียคือในเกือบทุกกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเราเตอร์ที่ใช้งานตามบ้านทั่วไป) การทำเช่นนั้นจะทำให้การรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงเมื่อเทียบกับการที่คุณใช้แอป VPN เฉพาะกับอุปกรณ์ เนื่องจากเราเตอร์มีความสามารถน้อยกว่าในการรองรับการเข้ารหัสข้อมูลที่จำเป็นในแบบเรียลไทม์ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลของคุณช้าลง

2. IPVanish มีความปลอดภัยสูง

ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า สำหรับผมแล้ว ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญรองจากการไม่เปิดเผยตัวตนเมื่อใช้บริการ VPN แต่นั่นมันเป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ แต่พอคิดถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างในประเทศจีน สหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ ผมก็เข้าใจได้ถึงความจำเป็นในเรื่องการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย

บอกก่อนนะครับว่าสหรัฐอเมริกาเป็นพื้นที่หนึ่งที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเพราะมีบริษัทมากมายดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องกับการแชร์ไฟล์ที่ผิดกฎหมาย จีนตรวจสอบเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตอย่างหนักและสิงคโปร์กำลังเจริญรอยตามสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายประเทศที่ผู้ใช้อาจจะต้องการใช้ประโยชน์จาก VPN อย่างเช่น ประเทศในยุโรป

2.1. บังคับใช้การเข้ารหัส 256 บิต

บริการ VPN ทั้งหมดที่ผมได้ทดสอบมาจนถึงปัจจุบันอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกระดับการเข้ารหัสได้ แต่อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าการเข้ารหัสที่สูงขึ้นอาจจะลดความเร็วลงได้ อย่างไรก็ตาม IPVanish เข้มงวดกับเรื่องนี้มากและบังคับใช้การเข้ารหัสแบบ 256 บิตสำหรับผู้ใช้ทุกคน

หากจะพูดให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ การเข้ารหัสแบบ 256 บิตเป็นหนึ่งในระดับสูงสุดที่มีอยู่ในปัจจุบันและเป็นสิ่งที่แพร่หลายในอัลกอริทึม โปรโตคอลและเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ (เรายังใช้มันกับ SSL)

การเจาะข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัสแบบ 256 บิตจะต้องใช้พลังการประมวลผลมหาศาลและเวลาที่เพียงพอเท่านั้น ซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่าช่วงชีวิตของเราเลยทีเดียว

ย้ำกันอีกครั้งนะครับว่า เรื่องสำคัญที่ควรทราบคือ ยิ่งการเชื่อมต่อมีการเข้ารหัสสูงมากเท่าไหร่ โอกาสที่การเชื่อมต่อจะช้าลงมากเท่านั้น ฉะนั้น ผมจะให้คุณตัดสินใจเองว่าชีวิตของคุณต้องการอะไรมากน้อยแค่ไหนถึงจะพอดีสำหรับคุณ

2.2. นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน

นี่คือกล่องดวงใจสำหรับผู้ให้บริการ VPN เพราะเราทุกคนต้องการความมั่นใจว่า บริการ VPN ที่เราเชื่อมั่นว่าจะไม่เปิดเผยจข้อมูลของเราจะไม่กลับลำและให้ข้อมูลของเรากับคนอื่น ตอนนี้ผมขอไม่พูดอะไรเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ แต่สิ่งที่พอจะพูดได้อย่างเป็นทางการคือ IPVanish มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน

ความเป็นส่วนตัวของคุณคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ แต่ความไว้วางใจที่คุณมีให้กับเราก็มีความสำคัญพอ ๆ กันนั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุดในนโยบายของเรา ทั้งนี้ IPVanish เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งานเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่เก็บบันทึกการเชื่อมต่อ การรับส่งข้อมูลหรือกิจกรรมใด ๆ เมื่อใช้บริการของเรา” – นโยบายความเป็นส่วนตัวของ IPVanish

quote

2.3. ตัวเลือกของโปรโตคอลดี

หากการรักษาความปลอดภัยและการไม่เปิดเผยตัวตนเป็นป้อมปราการของบริการ VPN โปรโตคอลของบริษัทเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนกองกำลังอันแข็งแกร่ง IPVanish สนับสนุนโปรโตคอลที่หลากหลายมากเพื่อให้คุณสามารถนำมาใช้ได้ตามความจำเป็นกับสถานการณ์ของคุณ

IPVanish อ้างว่าสนับสนุน OpenVPN, IKEv2, L2TP / IPsec และ SSTP แต่ผมสังเกตเห็นว่าตัวเลือกสำหรับ SSTP หายไปจากแอป Windows VPN บางทีมันอาจจะถูกลบออกไป

IPVanish Missing SSTP

2.4. ฟังก์ชั่น Kill Switch ทำงานได้!

VPN ส่วนใหญ่มีฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Kill Switch ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อยุติการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เกิดหายไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ฟังก์ชั่นนี้ของบางค่ายทำงานได้ บางค่ายทำงานไม่ได้ แต่ผมยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ฟังก์ชั่นนี้ของ IPVanish ทำงานได้จริง มันอาจจะช้าสักหน่อย แต่เมื่อมันทำงานแล้ว ก็จะเชื่อมต่ออะไรไม่ได้เลยจริง ๆ

อันที่จริง เมื่อคุณโหลด IPVanish แล้ว คุณจะไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้จนกว่าคุณจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของทางบริษัท การท่องอินเทอร์เน็ตโดยไม่เชื่อมต่อกับ VPN จะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณออกจากซอฟต์แวร์ไคลเอ็นต์ IPVanish แล้วเท่านั้น นี่เป็นการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา

3. ความเร็วเพียงพอในการสตรีมมิ่งวิดีโอขนาด 8k

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ประเมิน IPVanish และบอกตามตรงว่าความเร็วของพวกเขาดีขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก ผมได้ลองใช้วิธีการหลายอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำให้บริการเร็วขึ้นได้

ผมเพิ่งสลับผู้ให้บริการบรอดแบนด์และถึงแม้ว่าความเร็วในการทดลองเชื่อมต่อของผมจะใกล้เคียง 500Mpbs ตามที่โฆษณา แต่ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับว่ากำลังเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ไหน

อย่างน้อยที่สุดผมจะได้ความเร็วเกือบเต็มเพดานตามที่โฆษณาเมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศที่ผมอยู่ซึ่งก็คือมาเลเซีย

ผลการทดสอบพื้นฐานกับเซิร์ฟเวอร์มาเลเซียโดยไม่มี VPN
(ดูผลลัพธ์ความเร็วพื้นฐานฉบับเต็มได้ที่นี่)

อย่างไรก็ตาม ความเร็วเปลี่ยนไปเมื่อผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ แต่ก็เข้าใจได้เพราะระยะทางเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับความเร็ว แถมยังมีเรื่องคุณภาพของเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องพิจารณาอีกต่างหาก

การทดสอบความเร็วของ IPVanish – เซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา

การทดสอบความเร็ว IPVanish ในสหรัฐอเมริกา – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว IPVanish ในสหรัฐอเมริกา – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว IPVanish – เซิร์ฟเวอร์ยุโรป (เยอรมนี)

การทดสอบความเร็ว IPVanish ในยุโรป – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว IPVanish ในยุโรป – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว IPVanish – เซิร์ฟเวอร์แอฟริกา (แอฟริกาใต้)

การทดสอบความเร็ว IPVanish ในแอฟริกาใต้ – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว IPVanish ในแอฟริกาใต้ – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว IPVanish – เซิร์ฟเวอร์เอเชีย (สิงคโปร์)

การทดสอบความเร็ว IPVanish ในเอเชีย – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว IPVanish ในเอเชีย – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว IPVanish – เซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย

การทดสอบความเร็ว IPVanish ในออสเตรเลีย – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว IPVanish ในออสเตรเลีย – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

อย่างที่คุณเห็นจากผลการทดสอบกับตำแหน่งหลัก ๆ ห้าแห่งทั่วโลกว่า ได้แสดงผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเมื่อใช้ IPVanish ความเร็วเหล่านี้ไม่ได้เลวร้ายนักแต่ก็ยังห่างไกลจากความเร็วที่เราได้รับจากผู้ให้บริการชั้นนำรายอื่น

ถึงกระนั้น ความเร็วขนาดนี้ก็เพียงพอที่ผมจะสตรีมมิ่งวิดีโอ 8k จาก YouTube ได้ ถ้าพูดกันจริง ๆ ประมาณ 15Mbps ก็จะได้แค่วิดีโอ UHD

4. ราคาดีโดยไม่ต้องสมัครใช้เป็นระยะเวลานาน

IPVanish Price Options

IPVanish ดูเหมือนจะมีราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ ในสงครามหั่นราคาของบริการ VPN โดยมีราคาอยู่ที่ 310 บาทต่อเดือนแบบเฉพาะกิจและ 200 บาทต่อเดือนสำหรับแพ็กเกจหนึ่งปีซึ่งมันก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก ในด้านหนึ่งถ้าคุณสมัครแบบรายเดือนมันก็ไม่ได้มีราคาแพงมาก แต่อีกด้านหนึ่ง คุณจะไม่ได้ประหยัดมากเท่ากับการสมัครแพ็กเกจระยะยาวกับเจ้าอื่น

ตัวอย่างเช่น NordVPN ซึ่งตั้งราคาสำหรับแพ็กเกจระยะยาวได้อย่างน่าทึ่ง

สิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ IPVanish VPN

1. ขาดเซิร์ฟเวอร์เสริมประสิทธิภาพ

นี่เป็นสิ่งแรกที่ได้สังเกตเห็นเมื่อผมติดตั้งไคลเอนต์ VPN บนระบบของผม ผมสำรวจดูการตั้งค่าต่าง ๆ มากมายและสังเกตเห็นว่า IPVanish ให้ความสำคัญกับสัญญาณปิงของเซิร์ฟเวอร์มากผิดปกติและจัดอันดับตามนั้น ยิ่งไปกว่านั้น คุณต้องลุ้นด้วยว่าแอปพลิเคชั่นจะเลือกอะไรให้คุณ

อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ สัญญาณปิงของเซิร์ฟเวอร์สำคัญอย่างแน่นอนเพราะโดยทั่วไปแล้วสัญญาณปิงช่วยบ่งบอกให้รู้ว่าเซิร์ฟเวอร์สื่อสารกับอุปกรณ์ของคุณได้เร็วหรือช้าแค่ไหน แต่มันไม่สำคัญมากขนาดนั้นในปริบทนี้

ในฐานะผู้ใช้ VPN ผู้ให้บริการควรจะมองออกว่าเราในฐานะผู้ใช้อาจจะใช้การเชื่อมต่อ VPN สำหรับอะไรหลากหลายอย่าง เช่น การทอร์เรนต์ การสตรีมมิ่งวีดิโอหรืออะไรอย่างอื่น ฉะนั้น ทำไมจึงเน้นแค่สัญญาณปิง ได้โปรดช่วยทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นด้วยเถอะ

2. ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว

แม้จะประกาศนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่ IPVanish ถูกโจมตีอย่างหนักมาตลอดจากกรณีที่ยอมอ่อนข้อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในอดีต สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนยิ่งขึ้นไปอีกคือ ค่ายนี้ถูกกล่าวหาว่ามอบข้อมูลให้ทางการซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด

2.1. บริษัทตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา

ในฐานะบริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา IPVanish มีหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน หากตัดสินจากการที่ทางบริษัทถูกกล่าวหาว่าลอยแพผู้ใช้ของพวกเขาอย่างรวดเร็วเมื่อถูกร้องขอจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ผมขอถามอีกครั้งว่าคุณยินดีที่จะเสี่ยงให้ทางบริษัทปกป้องคุณหรือไม่

ขณะนี้สหรัฐอเมริกากำลังต่อสู้เพื่อให้กฎหมายการเก็บข้อมูลผ่าน แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีกฎหมายบังคับการเก็บข้อมูลเหมือนกับคำสั่งเก็บข้อมูลแห่งสหภาพยุโรป แต่อีกนานแค่ไหนก่อนที่กฏหมายนี้จะกลายเป็นความจริง

2.2. กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการบันทึกข้อมูลการใช้งาน

ในช่วงต้นของปีนี้ (2018) บทความใน TorrentFreak กล่าวหาว่า IPVanish ส่งบันทึกข้อมูลผู้ใช้ให้กับเจ้าหน้าที่ (กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา) ใช่แล้ว บันทึกผู้ใช้ แค่นั้นก็แย่พอแล้ว

ทุกวันนี้ IPVanish ถูกซื้อกิจการไปแล้ว และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางบริษัทจะปฏิเสธทุกอย่างโดยบอกว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้นสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการซื้อกิจการ แม้กระนั้น ผมก็ยังรู้สึกว่ามันน่าตกใจที่การฝ่าฝืนหลักการสำคัญที่สุดประการหนึ่งของการบริการ VPN อย่างรุนแรงนั้นถูกปกปิดไว้โดยเจ้าของรายใหม่

IPVanish ไม่ได้ ไม่มีและจะไม่บันทึกหรือจัดเก็บบันทึกของผู้ใช้ของเราในฐานะบริษัท StackPath ผมไม่สามารถพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นกับการมองดูของคนอื่นและทีมผู้บริหารนั้นก็หายไปนาน แต่การรู้ว่านอกเหนือจากการไม่บันทึก StackPath จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ของเราโดยไม่คำนึงถึงผู้ที่ต้องการเป็นอย่างอื่น” – Jeremy Palmer รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด

quote

คำถามคือคุณยินดีที่จะเชื่อคำพูดของพวกเขาเพราะพวกเขาป้องกันความเสี่ยงได้อย่างชัดเจนหรือไม่?

2.3. พบข้อมูลตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ผิดปกติ

IPVanish Strange Locations Detected

ผมได้ใช้ speedtest.net มาเป็นเวลานานซึ่งโดยปกติจะไม่ใช่เพียงแค่แม่นยำในแง่ของการทดสอบความเร็ว แต่ยังแสดงตำแหน่งที่ถูกต้องของเซิร์ฟเวอร์ที่เกี่ยวข้องในการทดสอบด้วย อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีปัญหานี้นับตั้งแต่ใช้บริการ

เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ IPVanish ผมสังเกตเห็นว่า Speedtest มักจะพยายามจับคู่ผมกับเซิร์ฟเวอร์ซึ่งอยู่ไกลมากจากตำแหน่งที่ผมถูกแสดงอยู่ โดยปกติแล้วมันจะจับคู่คุณกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงที่สุดกับตำแหน่งของคุณ

ดังนั้น เหตุใดมันจึงพยายามจับคู่ผมกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลหลายพันกิโลเมตร ผมแจ้งปัญหานี้ไปที่ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าผ่านทางอีเมล แต่พวกเขาไม่สนใจคำถามของผม มีใครพอจะมีไอเดียไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น

น่าเสียดายที่ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้บางครั้งก็แพร่กระจายไปยังบริการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ผู้เล่น iBBC ที่แสดงด้านล่าง

Unusual server location via BBC player

3. ฝ่ายบริการลูกค้าที่แย่มาก

สิ่งที่ผมไม่พอใจที่สุดเกี่ยวกับ IPVanish คือการสนับสนุนลูกค้าที่แทบจะพูดได้ว่าไม่มีเลย แน่นอนผมสามารถเข้าใจได้ว่าบางบริษัทไม่ได้ให้การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน 365 วันต่อปี โดยเฉพาะผ่านบริการ
แชทสดเนื่องจากค่าใช้จ่ายอาจจะเพิ่มขึ้น

แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมบริษัทผู้ให้บริการด้านเทคนิคอย่าง IPVanish ถึงคิดได้ว่าไม่ต้องให้บริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าในลักษณะนี้

ผมเข้าใจไม่ได้ว่า ทำไมทางบริษัทถึงรู้สึกว่ามันไม่เป็นไรที่จะอ้างว่ามีบริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ทุกวันถ้าพวกเขาใช้เวลา 3 วันกว่าจะตอบกลับอีเมลขอความช่วยเหลือที่เขียนไปอย่างละเอียดแถมยังตอบแบบไม่เต็มใจ

IPVanish Customer Support

โดยทางเทคนิคแล้วบริษัทไม่ผิดอะไรเพราะมีการตอบกลับทันทีด้วยอีเมลอัตโนมัติที่บอกว่าพวกเขาจะตอบกลับในไม่ช้า ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นการสวนทางกับเจตนารมย์ของการช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่ทำให้ผมรู้สึกงง

ไม่เพียงแค่ตอบสนองล่าช้าไปสามวันเท่านั้น แต่ฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้ายังไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาของผมในลักษณะที่เป็นประโยชน์อะไรเลย พวกเขาแค่บอกกับผมว่า

ยุติการเชื่อมต่อจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้อยู่และเปลี่ยนเป็นโปรโตคอลอื่น ลองเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุด

quote

ผมได้ให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่ผมเผชิญพร้อมกับการกำหนดค่าไคลเอนต์ของผมไปให้ด้วย แต่พวกเขากลับตอบมาแค่นี้ ถ้าผมไม่ได้ลองวิธีที่พวกเขาแนะนำไปแล้วก่อนที่จะเขียนไปขอความช่วยเหลือ ผมจะละอายใจตัวเองมากทีเดียว ผมไม่แน่ใจว่าปัญหานี้เป็นนโยบายของบริษัทหรือพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าที่ไม่อยากทำงานแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกัน

ช่างน่าละอายมากเลย IPVanish

4. แอปพลิเคชั่นลูกค้าที่แย่

ไล่ไปตั้งแต่การออกแบบที่ล้าสมัยไปจนถึงการขาดตัวเลือกที่เด่นชัด คนที่พยายามมองโลกสวยอาจจะบอกว่า แอป IPVanish มีความคล่องตัวและเรียบง่าย น่าเสียดายที่การขาดฟังก์ชั่นที่จำเป็นมาก ๆ หลายฟังก์ชั่นทำให้มันดูออกแบบมาไม่ดีมากกว่าเพื่อความคล่องตัว

ไล่ไปตั้งแต่ต้องทนใช้งาน มาตรฐานการเข้ารหัสอย่างเดียวไปจนถึงขาดการจัดการเซิร์ฟเวอร์ (ยกเว้นสัญญาณปิง ค่ายนี้วนเวียนอยู่กับสัญญาณปิง) ผมบอกได้เลยว่า จำกัดจำเขี่ยกับการออกแบบมากเกินไป

และโดยส่วนตัว ถ้าผมมีบริการที่ให้ความเร็วที่ต่ำแบบนั้น ผมจะไม่รวมเอาเครื่องมือติดตามดูปริมาณการรับส่งข้อมูลในไคลเอ็นต์ด้วย มันเหมือนกับการเอาน้ำเกลือไปราดบนแผลสด ๆ เลยทีเดียว

บทสรุป: IPVanish VPN คุ้มค่ากับราคาหรือไม่

ในขณะที่ผมนั่งพักหายใจหลังจากบ่นเกี่ยวกับการบริการลูกค้ามาอย่างยืดยาว ผมต้องสงบสติอารมณ์สักสองสามนาทีเพื่อรวบรวมความคิดอีกครั้ง สิ่งหนึ่งที่ผมรำคาญใจมากก็คือ การบริการลูกค้าที่แย่ซึ่งผมรู้สึกแย่เอามาก ๆ ในครั้งนี้

เมื่อพยายามเปรียบเทียบข้อดีกับข้อเสียของบริษัทนี้ ผมรู้สึกเหมือนกับว่ายังดูมีอะไรแปลก ๆ อยู่บ้างเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นจุดยืนเรื่องความปลอดภัยที่เข้มงวดมากโดยบังคับใช้การเข้ารหัส 256 บิต แต่ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็ถูกกล่าวหามากมายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ซึ่งทางบริษัทพยายามที่จะปฏิเสธว่าไม่รับรู้อะไรด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ผมรู้สึกว่าเรื่องทางเทคนิคไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ IPVanish ต้องเผชิญ แต่เป็นทัศนคติของบริษัท
มากกว่า ไล่ไปตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการตลาดที่พยายามปัดข้อกล่าวหาทั้งหลายด้วยการบอกว่า “เราไม่รู้อะไรเลย” ไปจนถึงเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่ไม่สนใจลูกค้า ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่า IPVanish กำลังประสบปัญหาที่ร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม ด้วยการวางจุดยืนทางการตลาดที่ดูดี ก็ยังมีคนเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ถ้าไม่ใช่เป็นพันเป็นหมื่นนะครับที่ไม่สนใจจะศึกษาหาข้อมูลมาอ่านก่อนที่จะเชื่อในสิ่งที่บริษัททั้งหลายโฆษณา

โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะไม่แตะ IPVanish เลย แต่พูดกันตรง ๆ นะครับ บริษัทนี้ก็มีข้อดีตามที่ผมได้กล่าวไว้แล้วในรีวิว

  • การเข้ารหัสแบบ 256 บิต
  • ตัวเลือกราคาที่สมดุล
  • รองรับอุปกรณ์ได้สูงสุด 10 เครื่องพร้อมกัน
  • รับประกันคืนเงินภายใน 7 วัน
  • รองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
  • การสตรีมมิ่งวิดีโอ (บางครั้ง)
  • ผู้ใช้ที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย
  • แฟน ๆ P2P
  • ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

• ไม่มีนโยบายการบันทึกและเชื่อมต่อได้มากที่สุดถึง 10 อุปกรณ์พร้อมกัน

• รับประกันคืนเงินภายใน 7 วัน

(กลับไปด้านบน)

IPVanish

rated 4 out of 5rated 4 out of 5rated 4 out of 5rated 4 out of 5rated 4 out of 5

ราคาเริ่มต้นที่

200 บาท*

รายเดือน

การปรึกษาเว็บไซต์ฟรี

Bitcatcha ให้บริการปรึกษาเว็บไซต์ฟรี สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ เราให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บและแอพ การติดตั้ง WordPress ตัวเลือกโฮสติ้ง และกลยุทธ์ SEO กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อติดต่อเรา ทุกเซสชันดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษ

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.