tl;dr
NordVPN เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งและน่ากลัว ค่ายนี้มีทุกอย่างที่จำเป็นทั้งในด้านการรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวและความเร็ว แถมยังให้ราคาสมาชิกระยะยาวที่ถูกจนหาตัวจับยาก เรียกว่า ของมันต้องมี สำหรับใครก็ตามที่สนใจปกป้องความเป็นส่วนตัว! เรียนรู้เพิ่มเติม
NordVPN เป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ใน ธุรกิจ VPN และตั้งอยู่ที่ประเทศปานามา ค่ายนี้เริ่มเปิดตัวในปี 2012 และถือว่ามาไกลมากในระยะเวลาอันสั้น ค่ายนี้กระจายเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,000 แห่งใน 59 ประเทศเมื่อปี 2018
สารบัญ
ข้อดีของ NordVPN
- เพิ่มการป้องกันด้วย VPN สองชั้น
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 6 เครื่องบนแพลตฟอร์มหลายประเภท
- รวดเร็วและเสถียรตลอดเวลา
- เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,000 แห่งใน 59 ประเทศ
- NordVPN เสนอราคาที่ยอดเยี่ยม!
- สกุลเงินดิจิทัลและเงินสดใช้ชำระเงินได้
- การรองรับ Netflix ได้รับการอัปเดทตลอดเวลา
ข้อเสียของ NordVPN
- Torrenting ใช้ได้กับเฉพาะบางเซิร์ฟเวอร์
- ความเร็วที่แย่ในมาเลเซีย
- การเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นกับเซิร์ฟเวอร์ที่ช้า
- การกำหนดค่า OpenVPN ที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
ข้อสรุป
สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ NordVPN
1. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุด
NordVPN มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศปานามาซึ่งแม้ว่าปกติแล้วจะไม่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการส่วนใหญ่ แต่ก็มีความสำคัญสำหรับบริการ VPN ปานามาไม่มีกฎหมายการเก็บรักษาข้อมูลและรัฐบาลไม่ดำเนินการสอดแนมอินเทอร์เน็ต (เท่าที่เราทราบ) ซึ่งหมายความว่า ตามกฏหมายแล้ว NordVPN ไม่จำเป็นต้องบันทึกการใช้งานของผู้ใช้ซึ่งตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างเหมาะเจาะ!
นอกจากทำเลที่ตั้งอันยอดเยี่ยมสำหรับความเป็นส่วนตัวแล้ว NordVPN ยังใช้มาตรฐานการเข้ารหัสชั้นเยี่ยม เช่นเดียวกับผู้ให้บริการ VPN ระดับคุณภาพ โดยใช้มาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง 256 บิต (AES)
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณขึ้นไปอีกระดับ NordVPN ใช้ประโยชน์จากคีย์ PGP ในการติดต่อสื่อสารของลูกค้าและเพื่อปกป้องรายละเอียดบัญชีของคุณ คีย์ PGP สามารถนำมาใช้เข้ารหัสการสื่อสารระหว่างคุณกับ NordVPN โดยที่ไม่มีใครสามารถเจาะรหัสได้
Kill-switch หรือสวิตช์ปิดการใช้งานวีพีเอ็น : ค่ายนี้มี Kill-switch สองแบบ คือ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะปิดแอปใดแอปหนึ่งหรือยุติการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ในกรณีที่สัญญาณเกิดขาดหายอย่างไม่คาดคิด
(ปิดการใช้งานวีพีเอ็นทั้งระบบ)
2. Kill Switch เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว
หากคุณสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ NordVPN ของคุณหยุดทำงาน Kill Switch คือคำตอบของคุณ หากเซิร์ฟเวอร์ NordVPN ขาดการเชื่อมต่อไปเฉย ๆ ฟีเจอร์นี้จะทำให้การสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณหยุดลงทันที
Kill Switch ของ NordVPN มีสองเวอร์ชั่นซึ่งขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่คุณใช้งาน ถ้าเป็นเวอร์ชั่นที่ใช้กับ Windows หรือ Mac คุณจะสามารถเลือกได้ว่าจะหยุดการเชื่อมต่อวีพีเอ็นกับแอปพลิเคชั่นไหน ในขณะที่
เวอร์ชั่นสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่จะหยุดทุกอย่างโดยที่คุณไม่มีสิทธิเลือก
ทั้งหมดนี้ทำหน้าที่ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
2.1. ไม่มีการรั่วไหลของ DNS
เมื่อทำการทดสอบ VPN นอกเหนือจากการติดตั้งและทดสอบความเร็วแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้อำพราง IP จริงของคุณ เพราะถึงที่สุดนี่ก็คือหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักในการใช้วีพีเอ็นใช่ไหมล่ะครับ การทดสอบมาตรฐานสามารถทำได้ที่ dnsleak.com หรือ dnsleaktest.com.
สิ่งที่คุณต้องทำคือ เปรียบเทียบ IP จริงของคุณกับ IP ที่แสดงบนเว็บไซต์ทั้งสองนี้ ตราบใดที่มันไม่ตรงกัน ก็แสดงว่า คุณอำพรางได้ไม่มีปัญหา
• ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอย่างแท้จริง
3. เพิ่มการป้องกันด้วย VPN สองชั้น
ถึงตอนนี้คุณคงจะคุ้นเคยกับแนวคิดการทำงานขั้นพื้นฐานของ VPN แล้วนะครับ ฉะนั้น เรามาพูดคุยเกี่ยวกับ สิ่งที่พิเศษเพิ่มเติมไปกว่านั้นดีกว่า นั่นคือ NordVPN มาพร้อมกับการใช้ VPN สองชั้นซึ่งหมายถึงการเชื่อมต่อผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN สองตัวระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับปลายทางที่คุณเชื่อมต่อด้วย เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
หลักการทำงานง่าย ๆ คือ คอมพิวเตอร์/อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เครื่องแรก จากนั้นจึงเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เครื่องที่สองก่อนที่จะเชื่อมต่อไปยังปลายทางที่คุณต้องการ ด้วยวิธีนี้ IP ปลายทางของคุณต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงสองครั้งและข้อมูลของคุณจะได้รับการเข้ารหัสสองครั้งเช่นกัน อย่างที่ผมได้พูดไปทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มการป้องกันเป็นสองเท่า!
4. เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 6 เครื่องบนแพลตฟอร์มหลายประเภท
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เราสามารถคาดหวังได้เลยว่าจะใช้ VPN บนอุปกรณ์สองสามอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยที่สุดก็ใช้พร้อมกันทั้งในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องและอุปกรณ์มือถืออีกหนึ่งเครื่อง แต่ก็มีคนที่บ้าเล่นอุปกรณ์และมีทั้งคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป สมาร์ทโฟนสองเครื่อง แท็บเล็ตสองเครื่องและอะไรอีกเยอะแยะ
NordVPN พร้อมให้บริการที่ตอบโจทย์สำหรับทุกคนและรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันสูงสุดหกเครื่องต่อหนึ่งบัญชี นี่หมายความว่าคุณสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณแบบเป็นรายชิ้นและจะใช้กับเราเตอร์ด้วยก็ยังได้
ค่ายนี้รองรับแพลตฟอร์มได้หลากหลาย ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะมีอุปกรณ์แบบไหนก็น่าจะใช้ได้ ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือ เมื่อใช้กับเราเตอร์ก็จะมีความจุกจิกมากกว่า
คำเตือน
ไม่ใช่เราเตอร์ทุกตัวที่รองรับ VPN โปรดตรวจสอบว่าเราเตอร์ของคุณรองรับ NordVPN และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไม่ก่อนซื้อบริการ หรือลองเข้าไปดู เราเตอร์ไร้สายที่ดีที่สุดของเราสำหรับ VPN.
5. รวดเร็วและเสถียรตลอดเวลา
ผมได้ลองทดสอบความเร็วกับเซิร์ฟเวอร์ 5 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ความเร็วโดยรวมถือว่าน่าประทับใจมากแม้ผมจะสังเกตเห็นว่าระยะเวลาของสัญญาณปิงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเซิร์ฟเวอร์นั้น ๆ อยู่ห่างจากตำแหน่งทางกายภาพของผมมากขึ้น ผมทดสอบการเชื่อมต่อโดยมีเพดานความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 500 Mbps ซึ่งความเร็วมักจะมากกว่า 450 Mbps อย่างสม่ำเสมอ
แน่นอน ประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ในทำเลที่ตั้งต่าง ๆ แตกต่างกันมากเนื่องจากระยะทางก็เป็นปัจจัยหนึ่งด้วย และถ้ายิ่งเป็นการทดสอบบริการ VPN ตัวแปรที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก เช่น ปริมาณความโหลดของเซิร์ฟเวอร์ คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์ในประเทศนั้น ๆ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย
การทดสอบความเร็ว NordVPN – อเมริกาเหนือ
การทดสอบความเร็ว NordVPN – ยุโรป (เยอรมนี)
การทดสอบความเร็ว NordVPN – แอฟริกา (แอฟริกาใต้)
การทดสอบความเร็ว NordVPN – เอเชีย (สิงคโปร์)
การทดสอบความเร็ว NordVPN – ออสเตรเลีย
NordVPN ทำงานได้เหนือความคาดหวังของเราในแง่ของประสิทธิภาพความเร็ว ในห้าภูมิภาคหลักที่ผมได้ทดสอบพบว่า โดยทั่วไปความเร็วจะสูงและมีความหน่วงเพิ่มเติ่มเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในขณะที่ใช้ NordVPN
การสตรีมมิ่งบน YouTube สำหรับ 2k และ 4k HD นั้นทำได้สบายเช่นกัน ทั้งราบรื่นและไม่วุ่นวาย ผมสามารถสตรีมมิ่งวิดีโอ 4k ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ เลย อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่ามีบางพื้นที่ซึ่งความเร็วอาจจะต่ำ
ตัวอย่างเช่น ผมได้ทดสอบการใช้งานในพื้นที่ที่ผมอยู่และความเร็วเซิร์ฟเวอร์ที่นี่ค่อนข้างช้า หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณแค่ล่ะก็ ขอให้เปลี่ยนการเชื่อมต่อไปที่อื่นในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นจุดที่รู้กันดีว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่ง
6. เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,000 แห่งใน 59 ประเทศ
ด้วยเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,000 แห่งใน 59 ประเทศ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า NordVPN เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN รายใหญ่ในปัจจุบัน และไม่ว่าจะเครือข่ายของค่ายไหนก็ตามที่มีขนาดใหญ่เท่านี้ ย่อมต้องมีบ้างที่บางพื้นที่จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น
อย่างไรก็ตามอย่างที่คุณเห็นในการทดสอบความเร็วก่อนหน้านี้ พื้นที่หลักส่วนใหญ่ในสถานที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ระดับโลกนั้นมีความเร็วใช้ได้ หากคุณบังเอิญเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น ผมมั่นใจว่ามีทางเลือกที่ดีกว่าในบริเวณใกล้เคียงอย่างแน่นอน แค่ดูว่าอันไหนดีที่สุดสำหรับคุณ
เซิร์ฟเวอร์เกือบครึ่งหนึ่งของ NordVPN ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในยุโรปซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกัน ด้วยจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่มากมายมหาศาลขนาดนี้ ผู้ใช้บริการในเอเชียสบายใจได้เลยกับการใช้บริการต่าง ๆ รวมถึงบริการเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดให้เฉพาะคนในภูมิภาคนั้น ๆ และไม่อนุญาตให้คนนอกภูมิภาคเข้าถึงได้ รับรองว่าคุณจะทะลุทะลวงเข้าถึงเนื้อหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
• ครอบคลุมพื้นที่ของคุณหรือไม่ เชิญตรวจสอบได้ทันที
7. NordVPN เสนอราคาที่ยอดเยี่ยม!
รายเดือน | รายปี | รายสองปี | |
---|---|---|---|
ราคา/เดือน | 370 บาท | 216 บาท | 155 บาท |
ราคารวม | 370 บาท | 2,600 บาท | 2,968 บาท |
รอบการเรียกเก็บเงิน | 1 เดือน | 12 เดือน | 24 เดือน |
การรับประกันคืนเงิน | 30 วัน | 30 วัน | 30 วัน |
ดูคุณสมบัติทั้งหมด |
ลองคิดแบบนี้ดูนะครับว่า ค่ายนี้รับประกันคืนเงินภายใน 30 วันและเสนอราคาที่ถูกแสนถูกสำหรับแพ็กเกจ
ระยะยาว ฉะนั้น จะหาที่ไหนดีกว่านี้อีกสำหรับผู้บริโภค เมื่อดูที่แพ็กเกจหนึ่งปีของค่ายนี้ ราคารวมอยู่ที่ 2,600 บาท หากคุณสามารถเพิ่มเงินอีกแค่ 372 บาทและได้แพ็กเกจยาวสองปี ทำไมจะไม่จ่ายเพิ่มอีกนิดล่ะครับ
น่าเสียดายที่ NordVPN คิดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย (VAT) แต่ก็เพิ่มอีกแค่นิดหน่อยเท่านั้นครับ ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ ฉะนั้น บางคนอาจจะไม่ต้องถูกเรียกเก็บ VAT เลย แต่บางคนอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากถึง 20% (เท่าที่ผมเห็นมานะครับ)
8. สกุลเงินดิจิทัลและเงินสดใช้ชำระเงินได้
สำหรับบริการ VPN แล้ว ผมไม่สนใจเท่าไหร่ว่าผู้ให้บริการจะยอมรับการชำระเงินด้วยเช็ค บัตรเครดิตหรือดราฟท์ธนาคาร แต่สิ่งที่ผมประทับใจสุด ๆ กับ NordVPN คือ การรับชำระด้วยเงินสดในบางพื้นที่นอกเหนือจากการรับสกุลเงินดิจิทัล หากคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณสามารถชำระเป็นเงินสดได้ที่ Fry’s Electronics หรือ Micro Center
สำหรับสกุลเงินดิจิทัล บริษัทยอมรับสามสกุลเงิน ได้แก่ Bitcoin, Ethereum และ Ripple
วิธีการชำระเงินทั้งสองแบบนี้มีความสำคัญทีเดียวเพราะไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับไประบุตัวตนของผู้ชำระได้ ถึงที่สุดแล้วความเป็นส่วนตัวของคุณคือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงมองหาผู้ให้บริการ VPN ใช่ไหมล่ะครับ
9. การรองรับ Netflix ได้รับการอัปเดทตลอดเวลา
สิ่งที่เกี่ยวกับ Netflix คือดูเหมือนว่า บริษัทนี้จะเกลียดผู้ที่ใช้ VPN ซึ่งพยายามทะลุทะลวงเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดไว้ให้เฉพาะคนในภูมิภาคนั้น ๆ บริษัทพยายามบล็อกผู้ใช้ VPN และ NordVPN ตระหนักถึงสิ่งนี้และทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหา Netflix
อันที่จริง ค่ายนี้เปิดพื้นที่หนึ่งหน้าเต็มให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดไว้ให้เฉพาะคนในภูมิภาค คำแนะนำจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว ฉะนั้น ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเนื้อหาของ Netflix ระหว่างที่ใช้งาน NordVPN โปรดอย่าลืมตรวจสอบหน้านั้นนะครับ !
• ปลดล็อกเนื้อหาทั้งหมดและเข้าถึงมันได้ในขณะที่เดินทาง
สิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ NordVPN
1. Torrenting ใช้ได้กับเฉพาะบางเซิร์ฟเวอร์
ในตอนแรก การทอร์เรนต์ด้วยบริการของ NordVPN ค่อนข้างเหมือนกับการเล่นไขปริศนา แต่ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ทุกตัวของค่ายนี้จะสนับสนุนการแชร์ไฟล์แบบ P2P การตั้งค่าสำหรับการทอร์เรนต์อยู่ภายใต้คำสั่ง “เชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อเริ่มต้น” ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าให้มีการเลือกการเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติหรือเลือกให้เชื่อมต่อกับเฉพาะเซิร์ฟเวอร์บางประเภทตามที่ระบุเท่านั้น
NordVPN ได้แบ่งกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ออกเป็น Dedicated, DoubleVPN, Onion Over VPN หรือ P2P แม้ว่าจะไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากนัก แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มอบความยืดหยุ่นในการควบคุมให้มากกว่า
แม้ว่าผมจะดีใจที่ NordVPN รองรับการทอร์เรนต์ แต่ใครที่เป็นแฟนการทอร์เรนต์จะรู้สึกค่อนข้างผิดหวังที่การทอร์เรนต์ใช้ได้กับเฉพาะเซิร์ฟเวอร์บางตัว นอกจากนี้ ผมยังสังเกตเห็นว่าความเร็วของการทอร์เรนต์ไม่ดีเท่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ดูจากการทดสอบความเร็วที่ผมได้ทำไปนะครับ
2. ความเร็วที่แย่ในมาเลเซีย
ผมต้องเพิ่มเรื่องนี้เข้ามาเป็นข้อเสียด้วยเนื่องจากผมตกใจมากที่เซิร์ฟเวอร์ในมาเลเซียของ NordVPN ช้ามากระหว่างการทดสอบความเร็ว ผมขอย้ำนะครับว่า ผมได้ทดลองกับเซิร์ฟเวอร์ในมาเลเซียเป็นเวลาสามวันและทดสอบหลายครั้งต่อวัน ความเร็วของ NordVPN ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในมาเลเซียแย่มาก ผมเจอกับความ เร็วที่น่าตกใจสุด ๆ คือ ระหว่าง 3 ถึง 11 Mpbs อยู่ตลอดซึ่งไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ
3. การเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นกับเซิร์ฟเวอร์ที่ช้า
หากคุณใช้แอปพลิเคชั่นอย่างที่ NordVPN ใช้สำหรับ Windows สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องพึงระลึกไว้เสมอคือ มันต้องใช้เวลาสักพักในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ ผมใช้นาฬิกาจับเวลาบน Windows (ผมใช้ Windows 10 บน SSD) และใช้เวลาเฉลี่ย 14-30 วินาทีในการเชื่อมต่อ นี่ไม่รวมเวลาที่เครื่องใช้ในการโหลด
ระยะเวลาเท่านี้อาจจะดูเหมือนไม่มากสำหรับบางคน แต่ถ้าคุณเป็นเหมือนผมและคุ้นเคยกับความเร็วในการ โหลดของ SSD คุณก็อาจจะเข้าใจ หรือลองคิดแบบนี้ดูนะครับ ถ้าคุณใช้ฮาร์ดไดรฟ์มาตรฐาน ระยะเวลา 14-30 วินาทีที่ว่านี้ก็คือเวลาที่คอมพิวเตอร์ของคุณจะใช้ในการบู๊ตเมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้อยู่ตอนนี้
ผมคิดว่าข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวสำหรับที่ว่ามาทั้งหมดคือ ถ้าคุณใช้งาน NordVPN บนเราเตอร์ ซึ่งในกรณีนี้การเชื่อมต่อจะ ‘ติดอยู่เสมอ’
4. การกำหนดค่า OpenVPN ที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
หากคุณต้องการใช้ OpenVPN มากกว่า L2TP หรือโปรโตคอลอื่น ๆ คุณอาจจะตกใจเล็กน้อย ก่อนอื่นคุณจะต้องดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ของเซิร์ฟเวอร์ของ NordVPN ซึ่งมีไฟล์กำหนดค่าสำหรับแต่ละเซิร์ฟเวอร์ แต่ละเซิร์ฟเวอร์มีสองการกำหนดค่าโดยค่าหนึ่งไว้สำหรับ TCP และอีกค่าหนึ่งไว้สำหรับ UDP
นั่นหมายความว่า ภายในไฟล์ ZIP นั้นมีไฟล์การกำหนดค่ามากกว่า 8,000 ไฟล์ (อันที่จริง 9,341 ไฟล์ในการนับครั้งล่าสุด) โดยมีชื่ออย่างเช่น al1.nordvpn.com.tcp443 หรือ za12.nordvpn.com.tcp443 ส่วนแต่ละเซิร์ฟเวอร์ที่เข้าคู่กับไฟล์กำหนดค่าอยู่ ที่ไหน คุณต้องเสี่ยงลองผิดลองถูกค้นหาด้วยตัวเอง
พูดจริง ๆ นะครับ นี่เป็นวิธีการที่ตลกสิ้นดีวิธีหนึ่งที่ NordVPN อุตส่าห์คิดขึ้นมาได้ในการแจกจ่ายการกำหนดค่า OpenVPN และเป็นเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามากเหลือเกิน
ข้อสรุป: ผมจะจ่ายเงินสมัคร NordVPN หรือไม่
ผมขอพูดคำเดียวสั้น ๆ ว่า แน่นอน! โดยส่วนตัวแล้ว เมื่อมองหาผู้ให้บริการ VPN ผมก็น่าจะเหมือนกับทุกคนคือมองหาความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยและความเร็ว NordVPN ทำงานได้ดีในทุกด้านที่สำคัญเหล่านี้
ผมประทับใจกับความเร็วของเซิร์ฟเวอร์อย่างมากซึ่งจริง ๆ แล้วมันดีกว่าที่ผมคาดหวังไม่ว่าจะจากผู้ให้บริการ VPN ค่ายไหนก็แล้วแต่ จริงอยู่ที่มันมีข้อด้อยบางอย่าง เช่น ความเร็วของเซิร์ฟเวอร์มาเลเซียนั้นน่าผิดหวัง แต่นั่นเป็นเพียง 1 ประเทศจาก 62 ประเทศ
สิ่งที่ดียิ่งไปกว่านั้นคือแพ็กเกจ 3 ปีของ NordVPN ในราคา 108 บาทต่อเดือนซึ่งเท่าที่ผมดูมาราคานี้แทบจะไม่มีใครเหนือกว่าในแง่ของความคุ้มค่า แม้ว่าบางค่ายอาจจะเสนอราคาที่ต่ำกว่า แต่ผมมีความรู้สึกว่าบริการไม่น่าจะระดับเดียวกับที่ NordVPN มอบให้
แล้วผมจะควักกระเป๋าจ่ายเพื่อบริการนี้หรือไม่? คำตอบคือแน่นอนครับ
ฟีเจอร์หลัก
- ไม่บันทึกการใช้งาน
- DNS ซ้อน DNS
- ใช้กับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 6 เครื่อง
- PGP สำหรับการสื่อสาร ความเป็นส่วนตัว
- รองรับหลายโปรโตคอล
แนะนำสำหรับ
- ความปลอดภัยระดับสูง
- มี UI ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
- มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาล
- พร้อมใช้งานสำหรับแพลตฟอร์มเกือบทั้งหมด
• ราคานี้สำหรับการสมัครสมาชิก 3 ปี
• เซิร์ฟเวอร์ 5,100 แห่งทั่วโลก ไม่มีนโยบายบันทึกการใช้งาน เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ถึง 6 เครื่องพร้อมกัน
NordVPN
ราคาเริ่มต้นที่
155 บาท
รายเดือน