การใช้เว็บโฮสติ้งแบบที่มีบริการจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress หรือ Managed WordPress hosting ก็คล้าย ๆ กับการมีฝ่ายเทคนิคส่วนตัวคอยช่วยเหลือ
บริการรูปแบบนี้เป็นโซลูชันโฮสติ้งที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ (และผ่านการเสริมประสิทธิภาพอย่างเต็มพิกัด) สำหรับเว็บไซต์ WordPress และเป็นการเลื่อนขั้นขึ้นมาจากการใช้ ‘โฮสติ้งแบบแชร์’ ที่มีราคาถูกกว่า
สิ่งที่ดีที่สุดของโฮสติ้งประเภทนี้คืออะไร คำตอบคือ ผู้ให้บริการจะคอยดูแลในส่วนของเทคนิคอยู่เบื้องหลัง คุณจึงสามารถจดจ่อกับการพัฒนาเว็บไซต์ให้เจริญเติบโตขึ้นไปได้อย่างเต็มที่
9 โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress ค่ายที่ดีที่สุด
โฮสติ้งที่มีบริการจัดการด้านเทคนิคด้วยจะคอยปรับให้เว็บไซต์ของคุณอัปเดตเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ดังนั้น เว็บไซต์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็วราวสายฟ้าแล่บ เว็บไซต์จะสำรองข้อมูลทุกอย่างเองโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งทำการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอยู่อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นเกราะป้องกันเหล่านักจารกรรมข้อมูลเป็นอย่างดี
โฮสต์จะคอยจัดการเว็บไซต์ของคุณอยู่เบื้องหลังและรักษาสมรรถนะให้สูงอย่างสม่ำเสมอ บริการเช่นนี้ตอบโจทย์อย่างลงตัวหากคุณอยากได้ผลลัพธ์แบบดีงามทุกกระเบียดนิ้ว แต่ไม่มีเวลาที่จะมานั่งดูแลการปรับเปลี่ยนทางด้านเทคนิคต่าง ๆ และบริหารจัดการ ‘กลไกที่ซับซ้อน’
หมายเหตุ
ราคาที่ระบุในบทความนี้คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD เท่ากับ 34 บาท
หมายเหตุเรื่องความเร็ว
เราได้จัดอันดับความเร็วโฮสต์ทุกค่ายด้วย เครื่องทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ ที่ไม่เหมือนใครของ Bitcatcha ระบบจะทำการบันทึกเวลาการตอบสนองจากแปดสถานที่ทั่วโลกพร้อมคำนวณค่าเฉลี่ย คะแนนที่อยู่ต่ำกว่า 180 มิลลิวินาทีจะจัดว่าเป็นเกรด “A+” และคะแนนตั้งแต่ 181 มิลลิวินาที ถึง 210 มิลลิวินาทีจะจัดว่าเป็นเกรด “A”

1. SiteGround
https://www.siteground.com
แพ็กเกจขั้นต้นของ SiteGround ราคาถูกกว่าทุกค่าย (122 บาทต่อเดือน!) และมาพร้อมการอัปเดตอัตโนมัติและการสำรองข้อมูลรายวัน เหมาะมากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นแต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะอยากได้แพ็กเกจ ‘GoGeek’ (ซึ่งมีราคาจับต้องได้อยู่ที่ 460 บาท)
ด้วยแพ็กเกจ GoGeek คุณจะได้รับพื้นที่พักข้อมูล (staging area) ด้วยคลิกเดียว พร้อม Git สำหรับ WordPress ที่ติดตั้งมาให้พร้อมแล้ว คุณยังจะได้ใช้บริการจากฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าในระดับพรีเมียมและโปรแกรม SuperCacher ของโฮสต์รายนี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วแรงในการโหลดให้คุณได้
SiteGround อ้างว่า สำหรับการใช้บริการฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าผ่านทางแชทและโทรศัพท์นั้น ‘คุณแทบจะไม่ถูกปล่อยให้รอเลย’ และหากคุณใช้ระบบบัตรคิวในการส่งคำถาม คุณจะได้รับการตอบรับกลับมาภายใน 10 นาทีเท่านั้น เราพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นความจริง
SiteGround มีข้อเสียอะไรบ้าง
- แพ็กเกจระดับเริ่มต้นมีข้อจำกัดมากกว่าคู่แข่ง แต่ราคาที่ถูกก็พอจะบอกได้อยู่แล้ว
- มันไม่ใช่โฮสติ้งที่ช่วยบริหารจัดการทางเทคนิค WordPress ชนิดเต็มรูปแบบ แต่ฟีเจอร์ที่โฮสต์นี้มีให้ค่อนข้างเหมือนกับโฮสติ้งรายอื่นที่บริหารจัดการให้เต็มรูปแบบ
หมายเหตุ
เราติดตามดู SiteGround อย่างใกล้ชิดมาตลอดเพราะเราใช้บริการโฮสติ้งค่ายนี้ ลองเข้าไปอ่าน รีวิว SiteGround หากคุณต้องการทราบอะไรเกี่ยวกับโฮสต์รายนี้ (เช่น เว็บไซต์ที่เราใช้ในการทดสอบ การทดสอบความเร็วเซิร์ฟเวอร์ เงื่อนไข เป็นต้น)

2. A2 Hosting
https://www.a2hosting.com
โฮสต์ร้อนแรงที่มาเป็นอันดับสองคือ A2 โฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการ WordPress ซึ่งมีค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 371 บาทต่อเดือน ผู้ใช้บริการ A2 โฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการ WordPress ทั้งหมดจะได้รับ SSD แบบไม่จำกัด แบนด์วิดธ์ไม่จำกัด เซิร์ฟเวอร์ Turbo และ WordPress ที่ผ่านการเสริมประสิทธิภาพในแบบฉบับของ A2
หากคุณไม่คุ้นกับ A2 เท่าไหร่นัก เราจะบอกให้ว่า เซิร์ฟเวอร์ Turbo ของค่ายนี้สามารถเพิ่มความเร็วได้มากกว่าเซิร์ฟเวอร์ธรรมดาถึง 20 เท่า และ WordPress ที่ผ่านการเสริมประสิทธิภาพในแบบฉบับของ A2 จะคอยปรับแต่งให้เว็บไซต์มีความเร็วมากที่สุดโดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลามานั่งปรับเปลี่ยนอะไร
โฮสต์รายนี้รวมของแถมที่มีให้ตามปกติทั้งหมดเข้าไปในแพ็กเกจด้วย เช่น พื้นที่ staging ของเว็บไซต์ การย้ายเว็บไซต์ฟรี เครือข่ายการส่งข้อมูล (CDN) SSL และ SSD ฟรี
หากคุณคิดที่จะโฮสต์เว็บไซต์มากกว่าหนึ่งเว็บ คุณควรใช้งานแพ็กเกจแบบรับฝากเว็บได้ 3 เว็บ หรือแบบรับฝากได้ไม่อั้นจะดีที่สุด ทั้งนี้ แพ็กเกจเริ่มต้นของค่ายนี้มีค่าบริการเพียง 371 บาทต่อเดือน แต่คุณจะฝากได้เพียงเว็บไซต์เดียวเท่านั้น
A2 Hosting มีข้อเสียอะไรบ้าง
- ฝ่ายช่วยเหลือดูแลผ่านแชตสดเป็นทีมที่มีประสบการณ์และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน แต่ก็ใช้เวลากว่าจะติดต่อได้
- แพ็กเกจเริ่มต้นให้คุณสามารถโฮสต์แค่เพียงหนึ่งเว็บไซต์เท่านั้น จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเติมหากต้องการโฮสต์มากกว่าหนึ่งเว็บไซต์

3. Kinsta
https://kinsta.com
จุดขายหลักของ Kinsta คือ การให้บริการบน Google Cloud ซึ่งทางบริษัทประกาศว่า เป็นจุดที่ทำให้มีความเร็วมากกว่าคู่แข่ง
Kinsta มีคะแนนอยู่ระดับเกรด A และมีการตอบสนองอย่างเร็วมากทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ค่ายนี้ยังเป็นโฮสต์ที่ Ubisoft และ Asos เลือกใช้อีกด้วย ฉะนั้น โฮสต์ค่ายนี้จึงเข้าใจลูกค้าที่มีความต้องการอันหลากหลาย
แพ็กเกจขนาดเล็กที่สุดของค่ายนี้ราคา 930 บาทจากปกติ 3,100 – อัปเดตเมื่อเดือนมกราคม 2018 ดังนั้น Kinsta จึงเป็นตัวเลือกสำหรับธุรกิจและเว็บไซต์ขนาดใหญ่เท่านั้นจริง ๆ
แต่ถ้าหากคุณต้องการพลังมากขนาดนั้น Kinsta มีมอบให้คุณเป็นกอบเป็นกำเหลือเฟือเลยทีเดียว บริการนี้จะตรวจเช็คเว็บไซต์ของคุณในทุก ๆ หนึ่งนาทีเพื่อความปลอดภัยและคอยให้การสนับสนุน คุณสามารถเลือกใช้เครือข่ายการส่งข้อมูลหรือ CDN ของคุณเอง รวมถึงเครื่องมือเจ๋ง ๆ ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ (เช่น แดชบอร์ดเฉพาะคุณที่สวยงามและใช้งานง่ายแบบไม่ต้องคิดเลย)
ในด้านการช่วยเหลือดูแลลูกค้า ระยะเวลารอการตอบกลับตามระบบจัดคิวคำถามของ Kinsta เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 นาที – แต่ช่วง 90 วันที่ผ่านมานี้ ระยะเวลาที่ต้องรอได้ลดลงเหลือ 2 นาที ซึ่งรู้สึกดีมากที่ได้รู้ว่ามีการปรับปรุงในส่วนนี้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม เชิญเข้าไปอ่าน รีวิว Kinsta แบบเชิงลึก ของเรา
Kinsta มีข้อเสียอะไรบ้าง
- ตอนนี้ แพ็กเกจขนาดเล็กที่สุดของ Kinsta เริ่มจาก 930 บาทต่อเดือน จากราคาเดิม 3,100 บาทต่อเดือน
- ไม่มีโฮสติ้งอีเมล Kinsta แนะนำ G Suite สำหรับโฮสติ้งอีเมล (155 บาท / เดือนสำหรับแพ็กเกจ Basic)

4. Inmotion Host
https://www.inmotionhosting.com
ด้วยแพ็กเกจ WP1000-S ของ Inmotion Hosting คุณจะไม่ได้พบกับฟีเจอร์อย่าง GIT แต่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับฟีเจอร์พิเศษอย่าง BoldGrid และการไม่มีข้อจำกัดเรื่องปลั๊กอิน อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ Inmotion ยืนเด่นเหนือคู่แข่งก็คือ โปรแกรมอันหลากหลายที่แสนสุดยอดของพวกเขานั่นเอง
คุณจะได้ทันใจไปกับความเร็วที่มีมากกว่าโฮสติ้งแบบแชร์ธรรมดาถึง 10 เท่า ด้วยการผสมผสานของ SSD, NGINX และเซิร์ฟเวอร์แคชชิ่งขั้นสูงเพื่อเพิ่มความเร็วโดยเฉพาะ !
ยิ่งไปกว่านั้น Inmotion ยังรับประกันการคืนเงินภายใน 90 วันด้วย
ด้วยราคา 155 บาทต่อเดือน (ลด 37% – ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้อ่าน Bitcatcha เท่านั้น) ทำให้แพ็กเกจนี้เป็นหนึ่งในแพ็กเกจที่คุ้มค่าเงินมากที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและบล็อกเกอร์ !
Inmotion Hosting มีข้อเสียอะไรบ้าง
- ไม่มี git พื้นที่ความเร็วสูงสุดนั้นมีอยู่แต่ค่อนข้างล้าสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับการมีศูนย์ข้อมูลแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค
- ขั้นตอนการเลิกใช้บริการอาจจะน่าปวดหัวอยู่บ้าง

5. Liquid Web
https://www.liquidweb.com
เป็นหนึ่งในโฮสต์ระดับพรีเมียม แต่ป้ายราคาที่หนักอึ้งของค่ายนี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใคร
ค่ายนี้เป็นหนึ่งในโฮสต์ที่มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในวงการ (หรืออาจจะใหญ่เป็นอันดับหนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ) โดยมี พนักงานฝ่ายสนับสนุนมากกว่า 600 คน เพื่อคอยดูแลให้บริการอยู่ตลอดเวลา
คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ด้านจำนวนการเข้าชมเพจแบบไม่อั้นซึ่งอยู่ในทุกแพ็กเกจของค่ายนี้ แต่แพ็กเกจ Personal ซึ่งเป็นแพ็กเกจระดับเริ่มต้นจะจำกัดคุณให้ฝากได้แค่เว็บไซต์เดียวเท่านั้น
เครื่องมือบีบอัดภาพอัตโนมัติของค่ายนี้ทำงานเพื่อรักษาให้เว็บไซต์ของคุณเบาและมีความรวดเร็วได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่เครื่องมือซึ่งค่ายนี้พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยการเข้าใช้ SSL Git และ WP-CII
เราแนะนำ Liquid Web สำหรับองค์กรที่ค่อนข้างขนาดใหญ่
Liquid Web มีข้อเสียอะไรบ้าง
- ไม่มีโฮสติ้งอีเมล คุณจะต้องใช้โฮสติ้งอีเมลอื่นแยกต่างหาก
- ราคาแพง แพ็กเกจระดับเริ่มต้นของค่ายนี้ราคา 2,139 บาทต่อเดือน (หากใช้ลิงก์ของเรา คุณจะจ่ายแค่ 1,070 บาทสำหรับสองเดือนแรก)

6. WP Engine
https://wpengine.com
WP Engine อาจจะเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดในหมู่ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งแบบช่วยบริหารจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress ค่ายนี้เป็นหนึ่งในโฮสต์แรก ๆ ที่มีบริการช่วยจัดการ WordPress ปัจจุบัน ค่ายนี้ให้บริการเว็บโฮสติ้งกับ Cancer Research, Rightmove, HTC และ ลูกค้าชื่อดังรายอื่น ๆ อีกมากมาย
แพ็กเกจระดับเริ่มต้นของค่ายนี้ชื่อว่า ‘Personal’ และมีสิทธิประโยชน์มากมาย โดยให้สภาพแวดล้อมแบบ staging การสำรองข้อมูลด้วยคลิกเดียวและการย้ายเว็บไซต์ฟรี ตอบโจทย์เว็บไซต์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากถึง 25,000 รายต่อเดือน แต่คุณจะต้องอัปเกรดเพื่อปลดล็อกทรัพยากรอื่น ๆ เพิ่มเติมรวมถึงบริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันด้วย
WP Engine ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์อยู่แถบฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น หากผู้ชมเว็บของคุณอยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาก็จะได้พบกับความเร็วอย่างไร้ที่ติ ผมยังชอบที่มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วันด้วย หากคุณลองใช้แล้วไม่ถูกใจ ก็แค่ยกเลิกเท่านั้นเอง
WP Engine มีข้อเสียอะไรบ้าง
มีราคาแพงกว่าคู่แข่งค่ายอื่น ๆ(ข้อเสนอพิเศษ ! ลด 20% สำหรับใบเรียกเก็บเงินรอบแรก – เริ่มตั้งแต่ 599 บาท /เดือน) แต่โฮสต์ค่ายนี้ก็มีบริการที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงการให้บริการที่ดีมอบให้- WP Engine ได้กำหนดรายชื่อปลั๊กอินต้องห้าม ซึ่งคุณควรตรวจดูก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการ
- มีฝ่ายสนับสนุนให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันสำหรับลูกค้าระดับพรีเมียมเท่านั้น

7. Cloudways
https://www.cloudways.com
Cloudways เป็นผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งในระบบคลาวด์แบบที่ช่วยบริหารจัดการด้านเทคนิครายหนึ่่ง คุณสามารถเลือกที่จะใช้ WordPress ผ่านทาง Cloudways บนเครื่อข่ายคลาวด์ที่คุณต้องการ เช่น AWS, Digital Ocean, และ Linode คลาวด์โฮสติ้งนั้นมีพลังและน่าเชื่อถือมากกว่าบริการแบบ VPS ทั่วไป
ในส่วนของฟีเจอร์ บริการของ Couldways มาพร้อมทีมช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและย้ายเว็บไซต์ฟรีสำหรับทุกแพ็กเกจ ตัวเลือกขั้นสูงมาพร้อม GIT, เว็บไซต์จำลอง และบริการจัดการสำรองข้อมูล อีกทั้งยังมีแผงควบคุมที่ใช้งานง่ายแบบไม่ต้องคิดและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ด้วยซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่คลาวด์โฮสติ้งหลายรายไม่มี
Cloudways มีข้อเสียอะไรบ้าง
- คลาวด์โฮสติ้งอาจจะค่อนข้างต้องอาศัยความสามารถเชิงเทคนิค แต่แผงควบคุมที่ใช้งานง่ายมาก ๆ ก็เข้ามาช่วยทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
- Cloudways ให้บริการโดยอาศัยระบบของคลาวด์โฮสติ้งรายอื่น ๆ ทำให้ค่ายนี้ควบคุมฮาร์ดแวร์น้อย

8. Media Temple
https://mediatemple.net
แพ็กเกจเริ่มต้นของ Media Temple อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างจุใจ ด้วยราคา 620 บาทต่อเดือน คุณจะสามารถย้ายเว็บไซต์ฟรี สำรองและกู้คืนข้อมูลได้ใน 30 วัน ฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ได้ staging และ cloning พร้อมรองรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ 400,000 รายต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิค คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับตัวเลือกต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น Git และ การเข้าใช้ SSH
นอกจากนี้ ‘Studio’ และ ‘Agency’ ซึ่งเป็นแพ็กเกจขั้นสูงขึ้นไปก็ยังมีระบบตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และพร้อมรองรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนมาก ความเร็วก็อยู่ในระดับบนจากผลการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของเรา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก
Media Temple ยังมีเมนูธีมพิเศษให้คุณอีกด้วย คุณจึงสามารถออกแบบและพัฒนาเว็บได้ภายในที่เดียว
Media Temple มีข้อเสียอะไรบ้าง
- มีรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจำนวนมากเกี่ยวกับการทำงานที่แย่ของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้า
ตัวเลือกที่ราคาถูกกว่า
โฮสต์ที่ช่วยจัดการ WordPress เต็มรูปแบบไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่และเว็บไซต์ขนาดเล็ก ในกรณีนี้ ตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่าก็ถือว่าเพียงพอมากแล้ว
ถ้าฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ล่ะก็ เรามีตัวเลือกแถมมาให้คุณได้ลองพิจารณา

9. Bluehost
https://www.bluehost.com
Bluehost เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีต่อเงินในกระเป๋ามากที่สุด
ความเร็วสม่ำเสมอไม่มีตกทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาแถมยังมีความเสถียรในที่อื่น ๆ ของโลกด้วย บริการมีความปลอดภัยและรักษามาตรฐานการให้บริการช่วยเหลือดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน Bluehost รองรับ Cloudflare ไม่เหมือนกับ Inmotion Hosting ที่ ไม่มี CDN รวมมาให้.
ที่สำคัญ WordPress.org ยังแนะนำให้คนใช้ Bluehost มาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว!
Bluehost มีข้อเสียอะไรบ้าง
- ไม่สามารถย้ายเว็บได้แบบฟรี ๆ
- มีรายงานอยู่บ้างเรื่องการโหลดช้าและการตอบกลับของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่เชื่องช้า
ทำไมฉันถึงต้องใช้โฮสติ้งช่วยจัดการ WordPress โดยเฉพาะ

เจ้าของเว็บไซต์หลายรายต่างสงสัยว่า เว็บโฮสติ้งที่ช่วยจัดการทางเทคนิคต่าง ๆ ด้วยจะคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า หากคุณมีแผนจะทำอะไรเยอะแยะกับเว็บไซต์ ก็ถือว่าความคิดนี้เข้าท่าเลยทีเดียว ตอนนี้ เรามาดูข้อดีต่าง ๆ ในรายละเอียดกันครับ
1. เสริมประสิทธิภาพสำหรับ WordPress โดยเฉพาะ
เซิร์ฟเวอร์จะได้รับการปรับค่าอย่างละเอียดและเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับ WordPress ที่สุด บริการเฉพาะทางจะดีกว่าบริการแบบธรรมดาทั่วไป
2. มีการอัปเดตอัตโนมัติ
ซอฟต์แวร์เบื้องหลังเว็บไซต์ของคุณจะอัปเดตไปใช้รุ่นล่าสุดโดยอัตโนมัติ ดังนั้น เว็บไซต์จะคงประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูงสุดอยู่เสมอ คุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและติดตั้งการอัปเดตเอง
3. การรักษาความปลอดภัยแบบเกราะกันกระสุน
ความปลอดภัยเรียกได้ว่าเป็นสิ่งจูงใจที่มีน้ำหนักที่สุดสำหรับการอัปเกรดมาใช้บริการเว็บโฮสติ้ง แบบที่ช่วยบริหารจัดการ WordPress ในด้านเทคนิค ระบบอัปเดตอัตโนมัติและสภาพแวดล้อมแบบเฉพาะตัว จะช่วยปกป้องเว็บไซต์จาก นักจารกรรมข้อมูล และปัญหาทางด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ได้ดีกว่า ก็อย่างที่คุณทราบ แพลตฟอร์มโฮสติ้งส่วนใหญ่ที่ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอจะกำจัดมัลแวร์ออกไปได้
4. มีความเร็วสุดยอด
เว็บไซต์ที่โหลดช้าจะส่งผลลบต่อยอดขาย โอกาสในการได้ลูกค้าเพิ่ม และความรู้สึกของผู้ใช้งานเว็บไซต์ แต่ การทำให้เว็บเร็วขึ้น ด้วยตัวเองก็ต้องอาศัยความพยายามและทักษะมากเลยทีเดียว เว็บโฮสติ้งชั้นเยี่ยมจะใช้แคชชิ่งแบบฝังในตัวและ (มักจะ) ใช้เครือข่ายการส่งข้อมูลหรือ CDN เพื่อเพิ่มพลังความเร็วแรงให้กับเว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติ
5. การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
ปกติ แพลตฟอร์มโฮสติ้งที่ให้บริการจัดการ WordPress ในเชิงเทคนิคมักจะมีบริการสำรองข้อมูลรายวัน คุณจึงนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายโดยไม่ต้องคอยกังวลว่า เว็บไซต์จะสูญเสียข้อมูลอะไรไปเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันชนิดที่เลวร้ายสุด ๆ !
6. มีฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้า 24 ชั่วโมงทุกวัน
มันดีต่อใจเสมอที่รู้ว่า มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการเราทางโทรศัพท์หากวันหนึ่งคุณต้องขอความช่วยเหลือเรื่องรหัสผิดพลาด โดยปกติแล้ว แพ็กเกจโฮสติ้งแบบที่ให้บริการจัดการทางเทคนิคจะมีบริการให้ความช่วยเหลือแบบพรีเมียมด้วย ฉะนั้น คุณสามารถลัดคิวและขอคุยกับผู้พัฒนาแพลตฟอร์มโดยตรงได้เลย
7. ยืดหยุ่นและพร้อมรองรับจำนวนผู้เข้าชมเว็บที่สูงมาก
เว็บโฮสติ้งที่มาพร้อมการบริการจัดการทางเทคนิคจะสามารถรองรับจำนวนผู้เข้าชมและปริมาณการรับส่งข้อมูลได้เยอะกว่าเว็บโฮสติ้งแบบแชร์มากทีเดียว หากอยู่ดี ๆ มีคนแห่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณกันมากแบบไม่ตั้งตัว เว็บไซต์ของคุณก็จะไม่ล่ม
สรุป
มันเป็นบริการที่คอยอัปเดตล่าสุด รวดเร็ว มีการสำรองข้อมูลและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ
โฮสต์แบบมีการจัดการมาพร้อมอย่างนี้จะมีราคาแพงกว่าโฮสต์แบบแชร์ แต่มันจะเข้ามาช่วยคุณประหยัดเวลา (และได้ประสิทธิภาพมากกว่า) ซึ่งมันก็เป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้
โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress โดยเฉพาะเหมาะกับฉันไหม
สำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือใครที่เพิ่งจะเริ่มมีเว็บไซต์นั้น โฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress อาจจะมากเกินความจำเป็น บริการ โฮสต์แบบแชร์ ที่มีความเรียบง่ายน่าจะเพียงพอแล้วในกรณีนี้ แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ยังแนะนำเว็บโฮสติ้งที่มาพร้อมการจัดการด้านเทคนิคกับทั้งบรรดามือใหม่และเหล่ามือโปร บริการนี้ตอบโจทย์อย่างลงตัวที่สุดสำหรับ :
- บล็อกเกอร์หรือธุรกิจที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่ตัวเว็บไซต์โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดต การสำรองข้อมูลและงานทางเทคนิคที่อยู่เบื้องหลังใด ๆ ทั้งสิ้น
- ใครก็ตามที่วางแผนว่าจะขยายจำนวนผู้ชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและเห็นจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมพุ่งสูงขึ้นเป็นประจำ
- เว็บไซต์ใด ๆ ก็ตามที่ไม่ต้องการมีช่วงที่เว็บหยุดทำการ
- ใครก็ตามที่เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือดูแลลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม
ข้อเสียของโฮสติ้งที่ช่วยจัดการ WordPress

แน่นอนว่าบริการเว็บโฮสติ้งแบบที่ช่วยจัดการด้านเทคนิคให้ด้วยนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน โฮสต์ลักษณะนี้มีลักษณะเด่นอยู่สองสามข้อที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ชอบใจ:
1. ราคา
เว็บโฮสติ้งที่ช่วยจัดการด้านเทคนิคด้วยจะมีราคาแพงมากกว่าโฮสติ้งแบบแชร์ คุณคาดไว้ได้เลยว่าจะต้องจ่ายค่าบริการโฮสต์ที่ช่วยเรื่องการจัดการทางเทคนิคเดือนละ 465 บาท – 1,860 บาท ขณะที่หากคุณเลือกใช้โฮสต์แบบแชร์ คุณสามารถหาค่ายที่คิดค่าบริการแค่เดือนละ 62 บาทได้ไม่ยาก
2. คุณจะใช้ WordPress ได้อย่างเดียวเท่านั้น
ข้อนี้อาจจะดูเหมือนเป็นอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องพึงตระหนักไว้เสมอ ! หากคุณดันไปใช้ Joomla หรือ Drupal ทำเว็บไซต์ โฮสต์แบบนี้ก็จะไร้ประโยชน์ไปเลย
3. ไม่มีสิทธิควบคุม
ความดึงดูดใจของโฮสติ้งแบบช่วยจัดการทางเทคนิคคือ ระบบดูแลตัวมันเอง โฮสต์จะอัปเดต จัดการ และปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติ หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าไปปรับเปลี่ยน ทดลองโน่นนี่ด้วยตัวเอง คุณอาจจะรู้สึกว่าโฮสติ้งแบบนี้มีข้อจำกัด เพราะบางครั้งการเข้าถึงบางส่วนของระบบอาจทำไม่ได้
4. การจำกัดปลั๊กอิน
โฮสต์ที่ช่วยจัดการทางเทคนิคบางค่ายห้ามใช้ปลั๊กอินบางอย่าง ทำไมล่ะ ก็เพราะปลั๊กอินจะมาดูดเอาทรัพยากรอันมีค่าไปใช้เยอะมากและทำให้ระบบทำงานได้ช้าลง ดังนั้นโฮสต์บางค่ายจึงห้ามใช้ปลั๊กอินที่กินทรัพยากรเยอะ เพราะเหตุนี้ โฮสต์ที่ช่วยจัดการทางเทคนิคส่วนใหญ่จึงมาพร้อมปลั๊กอินดีที่สุดในตัวอยู่แล้ว (เช่น ปลั๊กอินแคชชิ่ง ปลั๊กอินสำรองข้อมูล เป็นต้น)
ถ้าคุณยังอยู่กับผมมาจนถึงตอนนี้ คุณก็คงคิดจริงจังเรื่องการใช้งานโฮสติ้งแบบนี้อยู่ใช่ไหมล่ะครับ เพียงแต่ม่ีคำถามคาใจอยู่ข้อหนึ่งคือ ค่ายไหนล่ะที่เจ๋งที่สุด
คำตัดสิน
เว็บโฮสติ้งแบบที่มีบริการจัดการทางเทคนิคสำหรับ WordPress หรือ Managed WordPress hosting เป็นบริการที่ตอบโจทย์มากที่สุดหากคุณกำลังมองหาความเร็ว ความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ โดยไม่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคใด ๆ ทั้งสิ้น
บริการนี้ถือว่าใช่เลย หากคุณวางแผนที่จะพัฒนาเว็บไซต์ให้เติบโตอย่างเป็นเรื่องเป็นราวพร้อมกับจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บที่มากขึ้นด้วย ฉะนั้น คุณต้องการผู้ให้บริการที่พร้อมจะโตไปกับคุณ
สำหรับการเลือกค่ายที่เหมาะสมนั้น ผมขอทบทวนสามอันดับแรกให้คุณฟังอีกครั้งนะครับ
SiteGround | A2 Hosting | Kinsta | |
---|---|---|---|
ช่วงเวลาให้บริการโดยรวม | 100% | 100% | 100% |
ประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์ | A+ | A+ | A+ |
ราคา | 112 บาท/เดือน | 372 บาท/เดือน | 390 บาท/เดือน |
ดูคุณสมบัติทั้งหมด |
ก่อนจากกัน ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้บริการค่ายไหน ให้คุณพิจารณาราคา ฟีเจอร์และระดับการให้บริการของฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด